การตกปลาเป็นกิจกรรมที่ต้องการความแม่นยำและความละเอียดในการเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ “ตะขอเบ็ด” ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่สุดในการตกปลา เพราะมีผลโดยตรงต่อความสำเร็จในการดักจับปลา หากเลือกตะขอเบ็ดไม่เหมาะสมอาจทำให้การตกปลาไม่ประสบผลสำเร็จหรือทำให้ปลาเสียหายได้ ดังนั้นการเลือกตะขอเบ็ดที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ในบทความนี้ Bukkaluy จะพามาทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกตะขอเบ็ดตกปลา เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ตามความต้องการในการตกปลาของคุณ
ตะขอเบ็ดตกปลา มีกี่ประเภท ?
ตะขอเบ็ดมี 5 ประเภทหลัก ๆ ที่ใช้ตามชนิดของปลาและวิธีการตกปลา ดังนี้
- ตะขอทางเดียว – ใช้งานง่ายและหาซื้อได้ง่าย เหมาะกับการตกปลาทั่วไป การตกปลาหน้าดิน หรือการตกปลาด้วยเหยื่อสดและเหยื่อปลอม
- ตะขอ 2 ทาง – เหมาะกับการตกปลาด้วยเหยื่อปลอม เช่น เหยื่อผิวน้ำที่สามารถลุยสวะได้ หรือเหยื่อปลอมประเภทกระดี่เหล็ก
- ตะขอ 3 ทาง – ใช้สำหรับตกปลาด้วยเหยื่อปลอมผิวน้ำและใต้น้ำ เช่น เหยื่อป๊อปเปอร์ เหยื่อปลั๊กดำตื้นและดำลึก รวมถึงเหยื่อประเภทไวเบรชันและจิ๊ก
- ตะขอ 4 ทาง – คล้ายกับตะขอ 3 ทาง แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากระยะคมเบ็ดและองศาใกล้กัน ทำให้ใช้งานยากและมีโอกาสที่ตะขอจะไม่เกี่ยวปากปลาได้
- ตะขอจำปา – มีลักษณะคล้ายก้านร่ม ใช้สำหรับตกหมึก เช่น หมึกกล้วย หมึกสาย และหมึกกระดอง
คู่มือเลือกตะขอเบ็ดเพื่อตกปลา ควรดูอะไรบ้างก่อนซื้อ ?
ตะขอตกปลานั้นอาจมีหน้าที่และรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มตกปลาหรือต้องการตกปลาอย่างจริงจัง ควรเลือกประเภทตะขอเบ็ดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตกปลา
1. เลือกประเภทตะขอเบ็ดให้เหมาะกับชนิดปลาที่ต้องการตกเป็นหลัก
ตกปลาน้ำจืดและปลาทะเลสามารถใช้ตะขอเบ็ดเหมือนกันได้ โดยพิจารณาจากชนิดปลาเป็นหลัก
การเลือกตะขอเบ็ดสำหรับตกปลาน้ำจืดนั้นมีความสำคัญเนื่องจากลักษณะการกินเหยื่อของปลาประเภทต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้ตะขอเบ็ดที่เหมาะสม
- ปลากินพืช : ปลากินพืชจะมีลักษณะการกินเหยื่อโดยการดูดเหยื่อเข้าไปในปาก ดังนั้น ปากของปลาประเภทนี้จะค่อนข้างเล็ก การเลือกใช้ตะขอเบ็ดจึงควรเลือกขนาดเล็กและคม เพื่อให้สามารถเกี่ยวกับปากปลาได้ง่ายและมั่นคง ตัวเบ็ดที่นิยมใช้จะเป็น ตะขอเบ็ด 1 ทาง ซึ่งมีความคมและขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเกี่ยวปากปลาได้ดี
- ปลาล่าเหยื่อ : ปลาล่าเหยื่อจะมีลักษณะปากที่กว้างและมักจะว่ายเข้ากัดเหยื่อด้วยความรวดเร็ว ดังนั้น การใช้ตะขอเบ็ดควรเลือก ตะขอเบ็ด 2 ทางขึ้นไป เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการที่ปลาจะติดเบ็ดได้มากขึ้น เนื่องจากปลาล่าเหยื่อมักจะกัดเหยื่ออย่างแรงและรวดเร็ว ซึ่งตะขอเบ็ดหลายทางสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจับปลามากขึ้น
ในการตกปลาทะเลและปลาน้ำจืดสามารถใช้ตะขอเบ็ดร่วมกันได้ เนื่องจากลักษณะของตะขอเบ็ดทั้งสองประเภทมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของรูปทรง แม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งที่สำคัญและแตกต่างกันคือ ความถี่ในการเปลี่ยนตัวเบ็ด เนื่องจากปลาทะเลมีแรงและนิสัยการกินเหยื่อที่ดุดันกว่าปลาน้ำจืด ดังนั้นตะขอเบ็ดที่ใช้ในการตกปลาทะเลต้องมีความคมและแข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจับปลาได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ต้องเปลี่ยนตะขอเบ็ดบ่อยกว่าการตกปลาน้ำจืด
สำหรับการตกปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลาบึก ซึ่งมีแรงดึงและแรงกระชากมหาศาลในขณะการต่อสู้กับปลา ควรเลือกใช้ ตะขอเบ็ดทางเดียว ที่มีความหนาและแข็งแรงมากกว่าตะขอเบ็ดทั่วไป เนื่องจากแรงดึงของปลาขนาดใหญ่อาจทำให้ตะขอเบ็ดยืดหรือเสียหายได้ง่าย การเลือกตะขอที่มีความแข็งแรงสูงจึงสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจในขณะตกปลาใหญ่และช่วยให้การตกปลาได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
สำหรับตกสัตว์น้ำประเภทอื่น เช่น ปลาหมึก กุ้ง แนะนำให้ใช้ตะขอเบ็ดแบบเฉพาะ
การเลือกตะขอเบ็ดสำหรับการตกสัตว์น้ำประเภทต่าง ๆ จำเป็นต้องพิจารณาลักษณะของสัตว์น้ำแต่ละชนิด เนื่องจากแต่ละประเภทมีลักษณะปากหรืออวัยวะในการจับเหยื่อที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการออกแบบและการเลือกใช้ตะขอเบ็ดที่เหมาะสม
- ตะขอเบ็ดตกกุ้ง : ตะขอเบ็ดที่ใช้ตกกุ้งจะเป็นแบบทางเดียวโดยไม่มีเกสรเบ็ด และมีองศาความงุ้มงอของตัวตะขอที่มากกว่าตะขอเบ็ดสำหรับตกปลา เนื่องจากปากของกุ้งมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถงับเกสรเบ็ดได้อย่างเต็มที่ จึงจำเป็นต้องใช้ตะขอเบ็ดที่สามารถลากเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของกุ้งแทนการแทงผ่านปาก
- ตะขอเบ็ดตกหมึก : สำหรับการตกปลาหมึกจะใช้ตะขอเบ็ดที่มีลักษณะทรงจำปี ซึ่งเหมาะสมกับการจับปลาหมึกที่ใช้หนวดในการจับเหยื่อ การใช้ตะขอเบ็ดทรงนี้จะช่วยลดโอกาสในการขาดของหนวดปลาหมึกเมื่อพยายามวัดปลาขึ้นมา ทำให้การตกปลาหมึกมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสียปลาหมึกได้มากขึ้น
2. เลือกเบอร์ตะขอเบ็ดให้เหมาะกับขนาดของตัวปลาด้วย
การเลือกขนาดเบอร์ตะขอเบ็ดเพื่อตกปลาเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาตามขนาดของปลาที่ต้องการตก เพื่อให้ตะขอสามารถเข้าไปในปากปลาได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น เมื่อตกปลาขนาดเล็ก เช่น ปลานิลในบ่อหรือหมายธรรมชาติ ควรเลือกตะขอขนาดเล็ก เบอร์ 5 – 7 เนื่องจากสามารถเข้าปากปลาได้ง่ายและเพิ่มโอกาสในการจับปลาได้สูงขึ้น
แต่หากต้องการตกปลาขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ปลากระพงหรือตัวปลาที่มีแรงดึงสูง ควรเลือกตะขอเบ็ดขนาดใหญ่ เบอร์ 8 ขึ้นไป ซึ่งจะมีความหนาและความคมที่เพียงพอ ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเบ็ดง้างหรือหลุดออกจากแรงกระชากของปลา ขนาดเบ็ดที่เหมาะสมจะช่วยให้การตกปลามีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียปลาในระหว่างการต่อสู้
3. เลือกตะขอเบ็ดที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี โดยแนะนำเป็นวัสดุเหล็กหรือสเตนเลส
ตัวเบ็ดหรือตะขอเบ็ดมักผลิตจากวัสดุประเภทโลหะ เช่น เหล็กและสเตนเลส ซึ่งเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติแข็งแรงและเหนียว ทนทานต่อการรับน้ำหนักเมื่อตกปลาขนาดใหญ่ กระบวนการผลิตตะขอเบ็ดจะมีการขึ้นรูป ชุบแข็ง และลับคม เพื่อให้ตะขอมีความแข็งแกร่งและคมพอที่จะเจาะทะลุปากปลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยตัวเบ็ดที่ทำจากเหล็กและสเตนเลสจะมีความเสี่ยงน้อยต่อการยืดหรือง้าง แตกต่างจากตัวเบ็ดที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ นอกจากการตรวจสอบความคมของตะขอเบ็ดแล้ว ควรตรวจสอบความสมบูรณ์ของห่วงตะขอที่ยึดติดกับตัวเบ็ดด้วย เพื่อป้องกันการหลุดหรือขาดระหว่างการตกปลา
บทสรุป
การเลือกตะขอเบ็ดตกปลาที่เหมาะสมไม่ใช่เพียงแค่เลือกตามขนาดและวัสดุเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงชนิดปลา สถานที่ และสไตล์การตกปลาของคุณอีกด้วย ด้วยการเลือกตะขอที่ตอบโจทย์กับการใช้งานจริงจะช่วยให้การตกปลาของคุณง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่าลืมพิจารณาทุกปัจจัยก่อนการตัดสินใจเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการตกปลาที่คุณชื่นชอบ